โวยดอกแพง..! เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูฯ เดินหน้าขอปลดหนี้ ร้องสัญญา ช.พ.ค. ซ้ำเติมครูผู้กู้

ครู จ.มหาสารคาม  นัดไม่จ่ายหนี้ ธ.ออมสิน เงินกู้ ช.พ.ค ชี้โครงการทำครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องเดือดร้อน แบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก ด้านประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย เดินหน้าชวนร่วมต่อสู่ “ปลดหนี้ครู ปลดหนี้ กยศ. ปลดแอกการศึกษาไทย”

ภายหลังจากที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวีดีโอ  ที่มีการประกาศปฏิญญามหาสารคาม ความว่า ขอให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการสวัสดิการเงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)  ทุกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ข้อ 2 ลูกหนี้ ช.พ.ค.จำนวน 450,000 คน จะดำเนินการยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป  สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ถึงความไม่เหมาะสม โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ากลุ่มบุคคลที่อ้างตัว “กลุ่มวิชาชีพครู” มีพฤติกรรมเรียกข้อในสิ่งที่เรียกว่าเป็นการ “เบี้ยวหนี้” ไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรทางการศึกษาที่เรียกว่า “แม่พิมพ์ของชาติ” เพราะไม่เคารพข้อกฏหมายและสัญญาที่ทำไว้ ขาดวินัยในการชำระหนี้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ปัญหานี้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ขอเพียงคุยปัญหาหรืออุปสรรคของผู้กู้ กับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินสาขา เขต หรือ ศาล ไม่ว่าจะเจรจาหนี้คนเดียว หรือมาทั้งกลุ่ม ธนาคารก็มีแนวทางแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้ รวมไปถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงให้คณะครูได้

เงินกู้-ครู-เงิน-ชพค.-มหาสารคาม


วันนี้ (16 กรกฎาคม 2561)   ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ  ดร.อวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย  ทราบว่า คลิปที่เผยแพร่ออกไป เป็นการประชุมผู้นำเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย  เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมเธียเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม โดยตนเองเป็นคนแถลงต่อที่ประชุมว่า  เมื่อปี 2552 สกสค. (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) ได้ทำข้อตกลงกับธนาคารออมสิน เพื่อให้สมาชิก ช.พ.ค.และ ช.พ.ส. กู้เงินจากธนาคารออมสินรายละไม่เกิน 3 ล้านบาท  โดยมีกำหนดผ่อนชะระ 30 ปี หรือ 360 งวด มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ใช้หนี้สถาบันการเงินและหนี้นอกระบบ 2.เพื่อซื้อบ้านหรือสร้างที่อยู่อาศัย 3.เพื่อซื้อรถยนต์หรือยานพาหนะ 4.เพื่อซื้อหุ้นหรือลงทุนทำธุรกิจ 5.เพื่อใช้จ่ายในการศึกษาหรือธุรกรรมที่จำเป็นอื่นๆ โดยมีข้าราชการครู คณาจารย์และบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมโครงการประมาณ 450,000 คน วงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท

เงินกู้-ครู-เงิน-ชพค.-มหาสารคาม

ทั้งนี้ในการดำเนินการช่วยเพื่อนครูตามโครงการดังกล่าวกลับไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย  ทำให้เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องเดือดร้อน แบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก  ซึ่งในการคิดดอกเบี้ยของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับเพื่อนครู  คิดอัตราดอกเบี้ยเหมือนธนาคารพาณิชย์ และปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีการหักเงินจากผู้กู้ในแต่ละเดือนเป็นค่าดอกเบี้ยแทบทั้งหมด  จนกว่าจะได้ดอกเบี้ยครบก่อน แล้วจึงหักเงินต้น ทำให้ผู้กู้ต้องเสียค่าดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 เท่าของเงินต้น ในระยะเวลานานถึง 30 ปี  ยกตัวอย่างของตนเอง ที่กู้เงินมาจำนวน 1.2 ล้านบาท หักเงินเดือนละกว่า 7,000 บาท และส่งเงินมาแล้วระยะเวลา 7 ปี ล่าสุดพบว่า เงินต้นลดลงเพียง 100,000 บาทเท่านั้น  ยอดหนี้ยังอยู่ที่ 1.1 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ยังบังคับให้ทำประกันชีวิตอ้างว่า เพื่อประกันความเสี่ยงของธนาคารออมสิน โดยบังคับหักเงินค่าประกัน 10 ปี งวดเดียว 80,000 -200,000 บาท รวมแล้วมีการหักเงินส่วนนี้ทั้งโครงการกว่า 1 แสนล้านบาท โดยผู้กู้ไม่ได้รับประโยชน์หรือดอกผลจากเงินจำนวนดังกล่าวเลย  แต่ผู้ได้รับประโยชน์มหาศาล คือ บริษัทประกัน ธนาคารออมสินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  นอกจากนี้ สกสค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีโครงการระดมทุน หรือโครงการร่วมทุนจากผู้กู้ ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนรายได้หรือหาทางปลดเปลื้องหนี้สินและเพิ่มพูนรายได้อย่างเป็นระบบ นอกจากโครงการขายบ้าน ขายรถ ขายประกัน และโครงการส่งเสริมการเป็นหนี้อื่นๆ ซึ่งยิ่งแต่จะสร้างภาระหนี้สินทับซ้อนขึ้นไปยิ่งกว่าเดิมอีก


โดยในวันดังกล่าว  มี นายตวง อันทะไชย  ประธานกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เดินทางมารับหนังข้อเรียกร้องจากองค์กรครู  โดยทางพี่น้องเครือข่ายครู ขอเรียกร้องให้ 1. ให้ดำเนินการพักหนี้ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการ ช.พ.ค. โดยเร่งด่วน  2. รัฐบาลประกาศพักหนี้ครูเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นให้ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 เหมือนเกษตรกร 3.ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและรัฐบาล แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมทั้งประกาศเป็นวาระแห่งชาติภายในเดือนตุลาคม 2561 นี้


และในช่วงท้ายของการประชุมได้มีการกล่าวปฏิญญามหาสารคาม  โดยนายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์ ประธานชมรมครูภาคกลาง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้  ตามที่ปรากฏคลิปที่แพร่กระจายออกไป โดยมีสโลแกนร่วมกันว่า “ปลดหนี้ครู ปลดหนี้ กยศ. ปลดแอกการศึกษาไทย”