มหาสารคาม ประเดิมฉีดวัคซีนโควิด-19 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 380 คน

มหาสารคาม ประเดิมฉีดวัคซีนโควิด-19 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 380 คน

ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารจอดรถ 9 ชั้น โรงพยาบาลมหาสารคาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาสารคาม จัดกิจกรรม “วัคซีน…คืนความเข้มแข็งให้จังหวัดมหาสารคาม” เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 380 คน โดยมีนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์คนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีน คือ นายแพทย์ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม และนายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม ตลอดจนแพทย์ พยาบาล และอสม เป็นลำดับถัดมา

นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม เปิดเผยว่า จ.มหาสารคาม ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac) จากกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,800 โดสแรก เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายเป็นแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข และ อสม. โดยวันนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรการแพทย์ ประกอบด้วย บุคลากร รพ.มหาสารคาม 150 คน อสม.200 คน บุคลากรการแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม 10 คน บุคลากรการแพทย์สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง 20 คน รวม 380 คน ในส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนวันนี้ จะได้รับการนัดมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 และเมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลเข้าระบบของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งข้อมูลนี้จะสามารถนำไปใช้ประกอบการขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ หรือ ประกอบการตรวจสุขภาพอื่น ๆ ได้

สำหรับ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac) ทั้งหมดนี้ ผ่านการตรวจรับโดยแพทย์ และดูแลระบบโซ่ความเย็นโดยทีมเภสัชกร การจัดเก็บใช้ระบบควบคุมความเย็น ของตู้แช่ยาเย็น ที่มีความปลอดภัยขั้นสูง คงอุณหภูมิที่ 2-8 องศาเซลเซียส มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีอุณหภูมิเกินที่กำหนด ผ่านระบบ SMS alert และ สัญญานเตือน พร้อมระบบไฟสำรองขนาดใหญ่ของ รพ.มหาสารคาม

และหลังจากนี้ จ.มหาสารคาม จะได้รับวัคซีนล็อตใหญ่ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อฉีดให้บุคลากรการแพทย์ อสม. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และประชาชนชาวมหาสารคาม ที่ลงทะเบียนขอรับวัคซีน ทั้งในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไปต่อไป