นักธุรกิจเปิดสวนองุ่นให้ชิมฟรี พอใจซื้อกลับบ้านไม่ถึงวันผลผลิตหมดเกลี้ยง

นักธุรกิจ อยากพัฒนาบ้านเกิดใช้เวลาว่างลองผิดลองถูกด้วยการปลูกองุ่นผ่านไป 3 ปีจึงสำเร็จ พร้อมเปิดสวนให้เข้าชมฟรี ชิมฟรี และซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ไม่ถึงวันผลผลิต 1,000 กิโลกรัมหมดเกลี้ยง

ที่สวนลุงเดช ตั้งอยู่ริมถนนสายมหาสารคาม-วาปี เจ้าของสวนองุ่นลุงเดช เปิดสวนองุ่นองุ่นพันธุ์ไวท์มะละกาแบบอินทรีย์ บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยให้นักท่องเที่ยวชมฟรีถ่ายรูปเซลฟี่กับพวงองุ่นในหน้าร้อน ชิมองุ่นฟรี หากพอใจซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ได้รับการตอบรับจากลูกค้าในจังหวัดมหาสารคามได้เป็นอย่างดี วันเดียวผลผลิต 1,000 กิโลกรัมหมดเกลี้ยง หากลูกค้าอยากรับประทานต้องรอถึงเดือนสิงหาคม 2563


นายเรืองเดช บุตรเรือง อายุ 57 ปี เจ้าของสวนองุ่นลุงเดช กล่าวว่า เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นที่นาจำนวน 10 ไร่ ต่อมาพ่อแม่ก็แบ่งที่นาให้ลูกหลานคนละ 2-3 ไร่ เพื่อทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว แต่ตนได้ไปประกอบธุรกิจทำอุปกรณ์เลี้ยงกุ้งที่กรุงเทพฯ พอที่จะมีทุนเลยคิดอยากที่จะกลับมาพัฒนาพื้นที่บ้านเกิดที่รกร้างว่างเปล่าให้มีชีวิตชีวา ตนเองเรียนจบด้านเกษตร จึงคิดที่จะปลูกองุ่น เพราะเห็นว่าสามารถปลูกได้ในพื้นที่ภาคอีสานที่แห้งแล้ง จึงเริ่มศึกษา และหากิ่งพันธุ์มาลง เป็นพันธุ์ไวท์มะละกา จำนวน 400 ต้น บนพื้นที่ 1 ไร่ แรกเริ่มก็ไม่ได้ผล ต้องมีการปรับปรุงดิน จนเวลาผ่านมา 3 ปี ก็เริ่มจะเห็นผล

วันนี้จึงได้เปิดสวนเป็นครั้งแรก เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บผลผลิต เก็บฟรี ชิมฟรี และซื้อผลผลิตติดไม้ติดมือกลับบ้าน ในราคากิโลกรัม 150 บาท ซึ่งจุดเด่นที่นี่ก็คือ องุ่นที่นี่เป็นองุ่นอินทรีย์ สามารถเก็บรับประทานได้ทุกลูก ลูกค้าชอบองุ่นลูกไหน พวงไหน ก็สามารถเด็ดชิม และตัดใส่ตะกร้าได้เลย รสชาติองุ่นก็สุขเต็มที่ ทำให้มีรสชาติหวาน ถูกปาก โดยผลผลิตวันนี้มีทั้งสิ้น 1,000 กิโลกรัม คาดว่าจะหมดภายในวันเดียว หลังจากนี้ก็จะปิดสวน และทำการบำรุงต้น เพื่อเตรียมให้องุ่นพร้อมจำหน่ายในรุ่นต่อไป โดยจะเปิดสวนอีกครั้งในช่วงประมาณเดือน สิงหาคม นี้ และในอนาคตจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย


หากมีผู้สนใจที่จะปลูกองุ่น ก็สามารถมาขอรับคำแนะนำได้ ตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ชนิดอะไรที่จะปลูกบนพื้นที่แห้งแล้ง ก็สามารถปลูกได้ แต่ต้องมีความใส่ใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จ