กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าผู้รับซื้อรับโทรศัพท์เก่าใน ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม บุกศาลากลางยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมขอความช่วยเหลือ ตามล่าถูกนายทุนเบี้ยวเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท
ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าผู้รับซื้อรับโทรศัพท์เก่าใน ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายวิรุจ วิชัยบุญ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม ว่าถูกนายทุนเบี้ยวเงินค่ารับซื้อโทรศัพท์เก่าที่พวกตนนำไปขายให้เป็นเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งนายทุนคนดังกล่าว กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารู้จักเพียงชื่อเล่น ชื่อว่า นายต้น ลักษณะนิสัยคล้ายผู้หญิง ได้มาเช่าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านผำ ต.ดอนเงิน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม และป่าวประกาศว่าจะรับซื้อโทรศัพท์เก่าจากพ่อค้าแม่ค้าเร่ โดยในราคาสูงกว่าร้านรับซื้อร้านอื่น เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำโทรศัพท์มาขายให้กับนายทุนคนนี้ ซึ่งลักษณะการจ่ายเงินจะจ่ายเงินแบบงวดชนงวด ซึ่งในช่วงแรกก็จ่ายเงินครบตรงเวลา แต่มาระยะหลังกลับบ่ายเบี่ยง จ่ายเงินช้า จนล่าสุดมีผู้เสียหายทนไม่ไหว รวมกลุ่มเดินทางมาร้องทุกข์จำนวน 14 ราย มูลค่าความเสียหาย 3,200,000 บาท

นางอาศิรา ธรรมวงษ์ ชาวบ้านหนองซอน หมู่ 16 ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ช่วงแรกที่นำโทรศัพท์เก่าไปขายให้กับนายทุนคนนี้ ก็ได้รับเงินตรงตามกำหนดมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อเห็นว่าให้เงินตรงเวลาก็เชื่อใจ และที่สำคุญ คือ นายทุนคนนี้ให้ราคาค่าเครื่องสูงกว่าร้านรับซื้อร้านอื่น ๆ ซ้ำยังได้เปอร์เซ็นต์จากการแนะนำลูกค้ารายอื่นให้มาขายที่ร้านนี้อีก เช่น ปกติรับซื้อเครื่องละ 70 บาท แต่เมื่อตนนำไปขายก็จะได้เครื่องละ 72 บาท เป็นต้น ซึ่งนายทุนคนนี้เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อนำโทรศัพท์ไปขาย ก็อ้างว่าตอนเย็นจะโอนให้ ผลัดไปเป็นวันรุ่งขึ้น และผลัดไปเรื่อย ๆ รวมแล้วเป็นเงินจำนวน 440,000 บาท
ด้านนางนฤรัตน์ ชุมแสงวาปี ชาวบ้านหนองซอน หมู่ 7 ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองรวมกลุ่มกับเพื่อนบ้าน 4 คน นำโทรศัพท์ไปขายให้กับนายทุนคนนี้ รวมเป็นเงิน 1,800,000 บาท ซึ่งลักษณะการขายให้กับนายทุนคนนี้ จะเป็นแบบงวดชนงวด สมมุติว่างวดก่อนขายได้ 50,000 บาท งวดนี้ขายได้เป็นเงิน 100,000 บาท นายทุนจะจ่ายเงินสดงวด 50,000 บาทให้ก่อน ส่วนงวด 100,000 บาท จะโอนให้ต่อเมื่อมีการนำโทรศัพท์เก่าไปขายให้ในครั้งต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปัญหา จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่านายทุนคนนี้กลับไม่ยอมจ่ายเงินให้ ตนเองก็ทวงถามมาโดยตลอด ไปเฝ้าหน้าบ้านถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ไป ก็โกหกมาเรื่อยว่าจะให้เงิน ก็ไม่ให้ ซ้ำยังถูกข่มขู่ว่าหากพวกตนมาร้องเรียนก็จะไม่จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว และยังท้าให้ไปแจ้งความ เพราะคดีแบบนี้เป็นคดีแพ่งสามารถยอมความกันได้ ซึ่งตนเองเดือดร้อนมาก เพราะต้องผ่อนค่างวดรถ ชำระหนี้ ธกส. และเงินที่กู้ยืมเพื่อนบ้านมาหมุนเวียนในครอบครัว หลังจากขาดสภาพคล่องที่ต้องมารอเงินตรงนี้มานานหลายเดือน



นายวินิตย์ ชนะบุญ ชาวบ้านหนองซอน หมู่ 7 ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองนำโทรศัพท์เก่าไปขายให้กับนายทุนคนนี้จำนวน 5,326 เครื่อง ได้ราคาเครื่องละ 80 บาท รวมเป็นเงิน 466,080 บาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่เงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งโทรศัพท์ทั้งหมด ตนเองเสี่ยงชีวิตขับรถจากบ้านไปภาคใต้ เพื่อไปหารับซื้อโทรศัพท์เก่าจากชาวบ้าน รวมระยะเวลากว่า 3 เดือน จนรวบรวมโทรศัพท์ที่หาได้ทั้งหมดไปขาย แต่กลับต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ทำให้เกิดความเครียด เรียกได้ว่าหมดตัวเลยทีเดียว เพราะแต่ละเดือนตนเองต้องหาเงินมาผ่อนค่างวดรถ ใช้หนี้ ธกส. หนี้สหกรณ์ หนี้จากการกู้ยืมนายทุน เพื่อนำเงินมาหมุนเวียน ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 30,000 บาท ยังไม่รวมค่าอยู่ค่ากิน ค่าน้ำมัน อยากให้เจ้าหน้าที่ทางการช่วยเหลือ ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายทุนคนดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร ทำไมเอาของจากชาวบ้านไปได้ แต่ไม่นำเงินมาให้ เจตนาที่จะโกงหรือไม่ อยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบให้ด้วย เพราะไม่เพียงแต่พวกตนเท่านั้น กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อโทรศัพท์เก่าทั้งตำบล ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่กล้าออกมา เพราะถูกข่มขู่จากทางนายทุนไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว
ด้าน นายวิรุจ วิชัยบุญ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งได้ออกมารับหนังสือข้อร้องเรียนของชาวบ้าน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบ พร้อมแนะนำให้ชาวบ้านไปแจ้งแจ้งความตำรวจในพื้นที่และแจ้งกับนายอำเภอเชียงยืน ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุทราบเรื่องด้วย เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป